-->

หูฟัง USB Type-C





Laz Flash Sale ลดแรงกว่า 90%
ดีลจำกัดเวลา ให้คุณเลือกซื้อสินค้าราคาพิเศษได้ทุกวัน สินค้าลดราคากับ Flash Sale
Lazada แฟลชเซล จัดเต็มดีลฮิตทุกวัน ช้อปออนไลน์ 24 ชั่วโมง ☆ดีลจำกัดเวลาสุดฮอต ☆ลดราคาแรง ☆สินค้าหลากหลาย

ช้อปเลย





หูฟัง USB Type-C



ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรในปัจจุบันนี้สำหรับสมาร์ตโฟนเริ่มมีให้เห็นน้อยลง เพราะว่าทางผู้ผลิตนั้นได้ตัดเอาพวกมันออกไปจากสมาร์ตโฟนในรุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะมือถือเรือธงที่ต้องการลดปริมาณช่องเสียบให้กับสมาร์ตโฟน อาจจะเป็นเพราะว่าชองเสียบดังกล่าวนั้นดูเทอะทะ และมีรูขนาดใหญ่ซึ่งจะทำให้สมาร์ตโฟนนั้นกันน้ำได้น้อย ลงหรือทำให้ตัวเครื่องมีจุดบอดตรงบริเวณที่เสียบหูฟัง



ทำไมมือถือในปัจจุบันส่วนมากไม่มีช่องเสียบหูฟัง ? เพราะว่าในปัจจุบันทางผู้ผลิตต้องการที่จะขายหูฟังไร้สายของตนเอง หรือ ต้องการที่จะทำให้เครื่องนั้นมีส่วนที่เปราะบางมากที่สุดออกไป หรือ ผู้ผลิตคิดว่าผู้ใช้ไม่ต้องการแต่จริงๆแล้วช่องเสียบหูฟัง 3.5 นั้นสำคัญมาก โดยที่หูฟังแบบไร้สายนั้นไม่สามารถเทียบได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องคุณภาพของเสียง ถึงแม้จะเป็นหูฟังแบบ True Wireless คุณภาพสูงเพียงใดก็ไม่สามารถที่จะเทียบกับหูฟังแบบมีสายได้เลย


แต่ก็ไม่ได้เรียกว่าผู้ผลิตสมาร์ตโฟนนั้นได้ตัดหูฟังแบบมีสายทิ้งไปเลยเสียทีเดียว เพราะยังมีสมาร์ตโฟนหลายรุ่นที่ยังรองรับหูฟังแบบมีสายอยู่ โดยการต่อผ่านพอร์ต USB Type-C เหมือนกับช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรนั่นแหละ ซึ่งคุณภาพเสียงก็เทียบเคียงกันได้ เหมือนกับเพียงแต่ว่าไม่ใช่ทุกรุ่นที่รองรับหูฟัง USB Type-C และก็มีข้อด้อยคือเมื่อเสียบหูฟังแล้วจะไม่สามารถชาร์จโทรศัพท์มือถือได้ ถ้าไม่ได้ต่อผ่านตัวแยกแปลงหัว USB Type-C ที่จะช่วยให้ทั้งชาร์จแบตเตอรี่และพังเพลงไปในเวลาเดียวกันได้ ซึ่งเจ้าตัวแปลงนี้คุณจะต้องซื้อแยกอีก ราคาก็หลักร้อยทำไมต้องเสียเงินหลายรอบ

แต่ว่าเจ้าตัวหูฟัง USB Type-C นั้นจะมีราคาสูงกว่าเจ้าหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตรอยู่หน่อยหนึ่งเพราะว่าพวกมันนั้นจะต้องมีการใส่วงจร DAC และ แอมป์ มาในตัวด้วยเพื่อที่จะใช้ในการแปลงสัญญานจากดิจิตอลที่รับมาจาก USB Type-C ให้กลายเป็นสัญญาน อะนาล็อกเพื่อที่จะขับหูฟัง ให้ทำงาน ดังนั้นคือสาเหตุทำให้พวกมันมีราคาที่สูงกว่า

แล้วหูฟัง USB Type-C นั้นดีกว่าหูฟัง True Wireless หรือไม่ ? ก็คงต้องตอบว่าใช่เพราะว่าการทำงานด้วยการส่งสัญญานผ่านสายเคเบิ้ลนั้นยังไงก็รวดเร็วกว่าการส่งสัญญานแบบไร้สายแน่นอน ซึ่งช่องแบนดฺวิธที่กว้ากว่าทำให้สามารถส่งสัญญานได้มากกว่าได้รายละเอียดที่เยอะกว่านั้นเอง

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสมาร์ตโฟนของเรารองรับหูฟังแบบ USB Type-C โดยปกติมาตรฐาน USB Type-C นั้นจะรองรับการส่งสัญญานเสียงพร้อมทั้งชาร์จพร้อมกันได้อยู่แล้ว แต่อาจจะมีสมาร์ตโฟนบางรุ่นที่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรมาให้ด้วยซึ่งอาจจะเขียน ซอฟแวร์ไม่ให้ใช้งานไว้ดังนั้นสมาร์ตโฟนที่มีช่อง USB Type-C ไม่ใช่ทุกรุ่นที่จะรองรับหูฟัง USB Type-C นี้ซึ่งบางรุ่นนั้นช่อง USB Type-C อาจจะใช้สำหรับชาร์จแบตอย่างเดียวเท่านั้นดังนั้นควรสอบถามผู้ขายให้ดี แต่ถ้าตอนที่คุณซื้อมือถือมา แล้วมีการแถมตัวแปลงสัญญาน USB Type-C to 3.5 มิลลิเมตรมาให้ในกล่องแสดงว่ารุ่นนั้นรองรับแน่นอน

หรือว่าหากคุณยังต้องการใช้งานหูฟังแบบมีสายแจ็ค 3.5 มิลลิเมตรอยู่คุณก็สามารถซื้อเพียงตัวแปลงสัญญาน USB Type-C น 3.5 mm jack มาใช้งานได้และคุณสามารถใช้งานหูฟังมีสายแบบเดิมได้ โดยที่ไม่ต้องซื้อใหม่ใดๆในส่วนราคานั้นก็หลักร้อยเท่านั้นเอง

จะเห็นได้ว่าถึงแม้ว่าจะมีการพัฒนาในด้านฮาร์ดแวร์มากเพียงใดแต่ก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนา และการยอมรับจากผู้บริโภคก่อนสักพักจึงจะสามารถขายเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างเต็มที่ซึ่งผู้ใช้งานที่อาจจะยังไม่อยากเปลี่ยน หรือยังรู้สึกพอใจในของเดิมอยู่ก็ยังมี โดยผู้ผลิตเองก็ต้องหาโซลูชั่นเพื่อที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวให้กับผู้ใช้งานด้วยจะดีที่สุด


หูฟัง USB Type-C แบบไหนยี่ห้อไหนดี แนะนำหูฟัง USB Type-C ที่ดีที่สุดที่คุณสามารถซื้อได้


1. Huawei หูฟัง USB Type-C Earphones CM33with Mic In-Ear headphone.
2. Xiao Mi USB Type-C หูฟังแบบมีสาย Dual-Unit หูฟังหูฟังพร้อมไมโครโฟน
3. Mi Noise Cancelling Earphones (Type-C)