-->

Web 3 คืออะไร?





Laz Flash Sale ลดแรงกว่า 90%
ดีลจำกัดเวลา ให้คุณเลือกซื้อสินค้าราคาพิเศษได้ทุกวัน สินค้าลดราคากับ Flash Sale
Lazada แฟลชเซล จัดเต็มดีลฮิตทุกวัน ช้อปออนไลน์ 24 ชั่วโมง ☆ดีลจำกัดเวลาสุดฮอต ☆ลดราคาแรง ☆สินค้าหลากหลาย

ช้อปเลย





Web 3 คืออะไร?



 Web 3 คืออะไร? Web 3  นั้นเป็นรูปแบบของการให้บริการ www ที่ไม่มีการรวมศูนย์ด้วยการใช้งานร่วมกับระบบบล็อกเชนที่จะมีการดึงเอาข้อมูลและเนื้อหาต่างๆที่ถูกรวมศูนย์กลาง จากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ซึ่งสามารถที่จะทำการนำเอาข้อมูลต่างๆของผู้ใช้งานไปสร้างผลประโยชน์ให้กับบริษัทของตัวเองเพื่อแลกกับการให้บริการ ซึ่งบริษัทเทคโนโลยีเหล่านั้นสามารถที่นำการควบคุมปิดกั้นและจัดการกับเนื้อหาต่างๆได้ตามต้องการ ในขณะที่เว็บ 3 นั้นผู้ใช้งานจะเป็นเจ้าของเนื้อหาจริงๆสามารถที่จะทำการควบคุมและดูแลเนื้อหาทั้งหมดได้เอง สามารถที่จะสร้างรายได้หรือสร้างผลประโยชน์จากเนื้อหาของตนเองได้ 



Web 3 คืออะไร?


โดยคำว่า Web 3.0 นั้นถูกกำเนิดขึ้นครั้งแรกโดยผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum  นาย Gavin Wood ในปี 2014 และเริ่มเป็นกระแสดังกล่าวเริ่มต้นในช่วงปลายปี 2021 ซึ่งผู้คนเริ่มให้ความสนใจและเริ่มมีการลงทุนรวมถึงความหลงใหลเกี่ยวกับระบบคริปโตเคอเรนซี่ซึ่งเป็นระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลางซึ่งจะช่วยเข้ามาแก้ปัญหาเกี่ยวกับระบบการเงินการลงทุนของโลกในอนาคต



โดยบนระบบเว็บไซต์ Web 3.0 นั้นไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ web hosting สำหรับเว็บไซต์หรือพื้นที่สำหรับการติดตั้งและใช้งานเว็บไซต์จะอยู่บนระบบบล็อกเชนทั้งหมดซึ่งจะมีระบบบล็อกเชนที่ให้บริการในการเก็บข้อมูลหรือบริการ web hosting ให้กับเว็บไซต์ซึ่งแตกต่างกันกับปัจจุบันที่เราจะต้องไปติดตั้งเว็บไซต์กับ web hosting ต่างๆแต่ในระบบเว็บไซต์นั้นเว็บโฮสติ้งจะอยู่บนระบบบล็อกเชนรวมถึงโดเมนหรือชื่อ Domain Name ของเว็บ 3 จะเป็นชื่อ Domain Name แบบ nft ซึ่งอยู่บนระบบบล็อกเชนเช่นเดียวกันโดยในปัจจุบันนี้ระบบโดเมนเนม  ที่เป็น NFT นั้นเริ่มมีให้บริการและสามารถจดได้ แล้วยกตัวอย่างเช่นที่ https://www.unstoppabledomains.com/ ซึ่งก็ได้แก่โดเมน .crypto  .nft   .eth ที่เมื่อบริการเว็บ 3 เริ่มต้นใช้งานโดเมนเหล่านี้ก็จะเริ่มมีการใช้งานเพิ่มมากยิ่งขึ้นและเข้ามาทดแทนระบบโดเมนของ web 2.0 เดิมอย่างแน่นอน


Web 3


และนอกจากนั้นแล้วสำหรับผู้ที่ทำเนื้อหาหรือทำ Content อยู่บนเว็บไซต์ไม่ว่าจะเป็นการเขียนข่าวบทความหรือเนื้อหาอื่นก็ตามสามารถที่จะนำการสร้างรายได้หรือหารายได้จากเนื้อหาที่ตนเองมีอยู่ผ่านระบบบล็อกเชนโดยที่ไม่จำเป็นจะต้องขึ้นอยู่กับรูปแบบของการหารายได้แบบเดิมที่จะต้องมีการ เข้าไปสมัครใช้บริการโฆษณาอยาก Google Adsense ซึ่งจะมีส่วนแบ่งในรายได้ในขณะที่ในระบบ Web 3 นั้นเจ้าของเนื้อหาสามารถที่จะทำการหารายได้จากเนื้อหาของตนเองที่มีอยู่ได้ 100% ผ่านข้างก้านใจค่าตอบแทนด้วยสกุลเงินหรือโทเคนที่เป็นคลิปโต currency ซึ่งสามารถที่จะนำเอาไปเทรดหรือเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญคริปโตสกุลอื่นๆได้  ซึ่งในปัจจุบันนี้มี Token หรือเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ประเภทนี้แล้วยกตัวอย่างเช่นเหรียญที่มีชื่อว่า BATหรือ Basic Attention Token ที่จะมีการจ่าย เหรียญดังกล่าว ให้กับเจ้าของเนื้อหาหรือเจ้าของเว็บไซต์ผ่านทาง Crypto wallet  ซึ่งจะเป็นการโอนเงินเข้า wallet ให้โดยตรง



และสำหรับผู้ที่ใช้งานเว็บไซต์หรือเข้าชมเว็บไซต์เองก็สามารถที่จะทำการมีรายได้หรือได้ส่วนแบ่งจากการโฆษณาสำหรับโฆษณาที่เราได้เปิดเข้าไปดูด้วยเช่นกันซึ่งในปัจจุบันนี้เริ่มมีให้บริการแล้วคุณสามารถที่จะทำการท่องเว็บไซต์และได้ Token หรือเหรียญ Basic Attention Token ผ่านทางการติดตั้ง Web Browser ที่มีชื่อว่า  Brave Browser  https://brave.com ซึ่งเป็น Web Browser ที่ใช้ในการท่องเว็บที่มีความปลอดภัยสูงสามารถที่จะทำการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานได้และนอกจากนั้นแล้วยังมาพร้อมกับ wallet ภายในตัวที่จะมีการจ่ายค่าตอบแทนสำหรับผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์เป็น Token คริปโตเคอเรนซี่ ด้วย เหรียญ Basic Attention Token ซึ่งรูปแบบของโฆษณานั้นเริ่มจะมีการปรับปรุงและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆเพื่อความสะดวกของผู้ใช้งานเองแต่ในปัจจุบันนี้โฆษณาที่ขึ้นบน Web Browser อย่างเว็บนั้นยังมีน้อยอยู่เนื่องจากว่ายังมีผู้ใช้งานที่เขาจะจำกัดแต่ถ้าในอนาคตผู้ใช้งานเริ่มเพิ่มมากยิ่งขึ้นรูปแบบของโฆษณาพอจะมีรูปแบบที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นและจะมีค่าตอบแทนสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของ Content และผู้ที่เข้ารับชมเว็บไซต์ก็จะเพิ่มมากยิ่งขึ้นในอนาคต



และจะเห็นได้ว่าระบบเว็บ 3 นั้นเข้ามาช่วยในการปกป้องความเป็นส่วนตัวและช่วยให้เราสามารถที่จะทำสิ่งต่างๆบนระบบอินเตอร์เน็ตได้สะดวกและรวดเร็วเพิ่มมากยิ่งขึ้นโดยที่ไม่ต้องกังวลในเรื่องของความปลอดภัยความเป็นส่วนตัวและเราสามารถที่จะทำการควบคุมสิ่งต่างๆหรือเป็นเจ้าของเนื้อหารวมถึงทรัพย์สินต่างๆที่อยู่บนระบบเว็บไซต์เองจริงๆเมื่อเปรียบเทียบกันกับในปัจจุบันนี้ที่เนื้อหาและข้อมูลต่างๆนั้นจะอยู่บน Server ของผู้ให้บริการไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter Google หรือ YouTube ก็ตามซึ่งเราสามารถที่จะถูกปิดกั้นหรือถูกนำข้อมูลเอาไปทำกำไรได้ทุกเมื่อ