บล็อกเชนคืออะไร?
บล็อกเชน (Blockchain) คือระบบบันทึกข้อมูลแบบกระจายศูนย์ ซึ่งเก็บข้อมูลเป็นกลุ่มก้อน (บล็อก) และเชื่อมโยงบล็อกเหล่านี้เข้าด้วยกันเป็นสายลำดับ ทำให้ข้อมูลในบล็อกเชนมีความปลอดภัยและไม่สามารถถูกเปลี่ยนแปลงได้โดยง่าย
ความเป็นมาของบล็อกเชน
บล็อกเชนมีจุดกำเนิดมาจากแนวคิดของ "บิทคอยน์" ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลรูปแบบแรกที่ถูกคิดค้นขึ้นในปี 2008 โดย ซาโตชิ นากาโมโตะ ผู้ใช้นามแฝงว่า "สาโตชิ นาคาโมโต" บิทคอยน์ได้เสนอระบบการชำระเงินดิจิทัลแบบไร้ศูนย์กลาง ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีสถาบันการเงินเป็นตัวกลางในการทำธุรกรรม
ระบบของบิทคอยน์ใช้เทคโนโลยี "บล็อกเชน" ในการบันทึกและตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมการโอนเงิน บล็อกเชนเป็นสมุดบัญชีแจกแจงสาธารณะ (Public Ledger) ที่ข้อมูลจะถูกรวบรวมเป็นบล็อกแล้วเชื่อมต่อกันเป็นสายลำดับแบบถาวร จุดเด่นคือไม่มีจุดศูนย์กลางในการบันทึกข้อมูล และไม่สามารถแก้ไขหรือลบข้อมูลที่บันทึกไว้แล้วได้
หลังจากความสำเร็จของบิทคอยน์ นักพัฒนาต่างๆ ก็เริ่มนำเทคโนโลยีบล็อกเชนไปประยุกต์ใช้ในด้านอื่นๆ เช่น การสร้างสกุลเงินดิจิทัลใหม่ๆ สัญญาอัจฉริยะ การตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้า และการบันทึกข้อมูลต่างๆ เพื่อสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ
ในปี 2013 วงการเริ่มใช้คำว่า "บล็อกเชน" เพื่ออธิบายโครงสร้างและเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังบิทคอยน์ นับจากนั้นเทคโนโลยีนี้ก็ได้รับความสนใจและแพร่หลายออกไปอย่างรวดเร็ว บล็อกเชนจึงกลายเป็นพื้นฐานและก้าวสำคัญสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลแบบกระจายศูนย์
หลักการทำงานของบล็อกเชน
บล็อกเชนทำงานผ่านระบบกระจายศูนย์ ซึ่งหมายความว่าข้อมูลจะไม่ถูกจัดเก็บไว้ที่จุดศูนย์กลางใดๆ แต่จะถูกแบ่งกระจายไปยังคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องในเครือข่าย โดยทุกเครื่องจะเก็บสำเนาบล็อกเชนเดียวกัน เมื่อมีการบันทึกข้อมูลใหม่ เครือข่ายจะทำการตรวจสอบความถูกต้องและบันทึกลงในบล็อกใหม่ แล้วเชื่อมต่อบล็อกนี้เข้ากับสายลำดับบล็อกเดิมอย่างแน่นหนา ทำให้บล็อกเชนเป็นระบบที่โปร่งใส ปลอดภัย และไม่สามารถถูกแก้ไขได้โดยง่าย
การประยุกต์ใช้งานของบล็อกเชน
- สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) เช่น บิทคอยน์ อีเทอร์เรียม เป็นต้น
- สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) เพื่อให้คู่สัญญาปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้
- การตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้า (Supply Chain) เพื่อความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน
- บันทึกและโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
- บันทึกและสืบค้นประวัติข้อมูลการดูแลรักษาสุขภาพ
ข้อดีและข้อจำกัดของบล็อกเชน
ข้อดี: ความปลอดภัยสูง ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลย้อนหลังได้ง่าย ระบบกระจายศูนย์ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ
ข้อจำกัด: ประสิทธิภาพการประมวลผลข้อมูลอาจต่ำในบางกรณี การใช้พลังงานค่อนข้างสูง
แม้ว่าบล็อกเชนจะยังคงเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่ แต่มันกำลังสร้างผลกระทบต่อหลากหลายอุตสาหกรรม และมีแนวโน้มที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในโลกยุคดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ