เปลือกอะโวคาโดสามารถรับประทานได้ แต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่ได้รับประทานกัน เนื่องจากมีรสชาติขมและเหนียว เปลือกอะโวคาโดมีสารอาหารหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี โพแทสเซียม และไฟเบอร์ แต่ปริมาณสารอาหารเหล่านี้มีน้อยกว่าเนื้ออะโวคาโดมาก ดังนั้นจึงนิยมรับประทานเนื้ออะโวคาโดมากกว่า
อย่างไรก็ตาม เปลือกอะโวคาโดสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น นำไปสกัดเป็นน้ำมันอะโวคาโด นำไปใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร เช่น ซอส น้ำสลัด หรือนำไปหมักดอง เป็นต้น
หากต้องการรับประทานเปลือกอะโวคาโด ควรล้างให้สะอาดก่อน ลอกเปลือกออกแล้วนำไปหั่นหรือปั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปประกอบอาหารหรือรับประทานสดก็ได้
เปลือกอะโวคาโดมีสารอาหารหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี โพแทสเซียม และไฟเบอร์ แต่ปริมาณสารอาหารเหล่านี้มีน้อยกว่าเนื้ออะโวคาโดมาก ดังนี้
สารอาหารที่สำคัญที่สุดในเปลือกอะโวคาโดคือ วิตามินเอ ที่ช่วยในการมองเห็น บำรุงผิว และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เปลือกอะโวคาโดยังมีวิตามินซีที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย
นอกจากนี้ เปลือกอะโวคาโดยังมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น แคโรทีนอยด์ ฟลาโวนอยด์ และโพลีฟีนอล ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายของอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน
อย่างไรก็ตาม เปลือกอะโวคาโดมีสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารที่มีรสขมและเหนียว หากรับประทานเปลือกเข้าไปอาจทำให้รู้สึกไม่สบายท้องได้ ดังนั้น จึงควรรับประทานเปลือกอะโวคาโดอย่างระมัดระวัง
ในการรับประทานเปลือกอะโวคาโด ควรระมัดระวังสิ่งต่อไปนี้:
- ล้างให้สะอาด ก่อนรับประทานเปลือกอะโวคาโด ควรล้างให้สะอาดด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อขจัดสิ่งสกปรกหรือสารเคมีตกค้างที่อาจปนเปื้อนอยู่
- ลอกเปลือกออก ก่อนรับประทานเปลือกอะโวคาโด ควรลอกเปลือกออกให้หมด เนื่องจากเปลือกอะโวคาโดมีสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารที่มีรสขมและเหนียว หากรับประทานเปลือกเข้าไปอาจทำให้รู้สึกไม่สบายท้องได้
- หั่นหรือปั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ หากต้องการรับประทานเปลือกอะโวคาโดสด ควรหั่นหรือปั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้รับประทานได้ง่ายและย่อยง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ควรระมัดระวังในการรับประทานเปลือกอะโวคาโดหากมีภาวะต่อไปนี้:
- โรคกระเพาะอาหาร เปลือกอะโวคาโดมีสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารที่อาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ หากมีภาวะกระเพาะอาหารอักเสบหรือโรคกระเพาะอาหาร ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเปลือกอะโวคาโด
- โรคแพ้อะโวคาโด บางคนอาจมีอาการแพ้อะโวคาโด ซึ่งอาจรวมถึงอาการแพ้เปลือกอะโวคาโดด้วย หากมีอาการแพ้อะโวคาโด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเปลือกอะโวคาโด
หากรับประทานเปลือกอะโวคาโดแล้วมีอาการผิดปกติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ควรหยุดรับประทานและปรึกษาแพทย์ทันที
ใครไม่ควรกิน เปลือก อะโวคาโด
โดยทั่วไปแล้ว ทุกคนสามารถรับประทานเปลือกอะโวคาโดได้ แต่ควรระมัดระวังสิ่งต่อไปนี้:
- ล้างให้สะอาด ก่อนรับประทานเปลือกอะโวคาโด ควรล้างให้สะอาดด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อขจัดสิ่งสกปรกหรือสารเคมีตกค้างที่อาจปนเปื้อนอยู่
- ลอกเปลือกออก ก่อนรับประทานเปลือกอะโวคาโด ควรลอกเปลือกออกให้หมด เนื่องจากเปลือกอะโวคาโดมีสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารที่มีรสขมและเหนียว หากรับประทานเปลือกเข้าไปอาจทำให้รู้สึกไม่สบายท้องได้
- หั่นหรือปั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ หากต้องการรับประทานเปลือกอะโวคาโดสด ควรหั่นหรือปั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้รับประทานได้ง่ายและย่อยง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ควรระมัดระวังในการรับประทานเปลือกอะโวคาโดหากมีภาวะต่อไปนี้:
โรคกระเพาะอาหาร เปลือกอะโวคาโดมีสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารที่อาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ หากมีภาวะกระเพาะอาหารอักเสบหรือโรคกระเพาะอาหาร ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเปลือกอะโวคาโด
โรคแพ้อะโวคาโด บางคนอาจมีอาการแพ้อะโวคาโด ซึ่งอาจรวมถึงอาการแพ้เปลือกอะโวคาโดด้วย หากมีอาการแพ้อะโวคาโด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเปลือกอะโวคาโด
หากรับประทานเปลือกอะโวคาโดแล้วมีอาการผิดปกติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ควรหยุดรับประทานและปรึกษาแพทย์ทันที
ดังนั้น ผู้ที่ไม่ควรรับประทานเปลือกอะโวคาโด ได้แก่
- ผู้ที่มีอาการแพ้อะโวคาโด
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ โรคกรดไหลย้อน
- เด็กเล็ก
นอกจากนี้ ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด เช่น ยาลดกรด ยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเปลือกอะโวคาโด เนื่องจากเปลือกอะโวคาโดมีสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารที่อาจทำให้ยาเหล่านี้ดูดซึมได้น้อยลง